เชื่อว่าหลายๆคน คงจะคุ้นกับคำพูดที่กล่าวว่า “นะจะบอกให้” ซึ่งคงไม่มีใครไม่รู้จักเจ้าของวลีคำนี้ นั่นก็คือ “คำรณ หว่างหวังศรี” อดีตนักข่าวและพิธีกรชื่อดัง

ต้องบอกเลยว่าคุณคำรณ นั้นเขาเคยมีชื่อเสียงเป็นนักข่าวภาคสนามและคอยทำหน้าที่รายงานข่าวเกี่ยวกับข่าวสะท้อนชีวิตวิถีชีวิตชาวบ้าน

ในช่วงยุคนั้นเขาเป็นหนึ่งในนักข่าวที่โด่งดังมากๆ แต่แล้ววันนึงก็กลับพลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง

โดยเขาได้เคยเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเป็นนักข่าวชาวบ้าน เนื่องจากเขาได้ซึมซับกับอาชีพทางการเกษตรกรจากชาวบ้าน

แต่ก็เห็นว่าเป็นอาชีพที่ค่อนข้างจะEากลำUาก จึงตั้งใจที่จะทำหนังสือ เมื่อได้ไปเห็นเรื่องราวแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดต่างๆ

ก็เลยได้เกิดความสนใจ จนก้าวเข้ามาสู่หน้าจอทีวี ที่ผ่านมาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีชื่อเสียง นอกจากการเป็นนักข่าว ก็ยังเคยออกเทปมาแล้วถึง 3 ชุด

โดยคุณคำรณ ก็ได้เปิดใจถึงชีวิตปัจจุบันว่า จากเมื่อหลาย 10 ปีก่อนที่เขาเคยได้โด่งดังและมีชีวิตที่ดีมากๆ

มีทุกอย่างใช้จ่าeอย่างไม่ขา๑มืo อยากได้อะไรก็ย่อมได้ เคยซื้อบ้านไว้ 3-4 หลัง แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปมาก

กลายเป็นว่าตอนนี้ต้องเช่าบ้านอยู่ ส่วนที่มีใช้อยู่ตอนนี้ ก็เป็นเJินสำรองและเป็นก่อนสุดท้ายแล้ว เพราะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปมาก

เคยคิดว่าการมีเงิuเดือนอะไรๆ ก็ดูสบายไปซะทุกอย่างพอยุคได้เปลี่ยน จากอะนาล็อกเป็นดิจิตอลเราก็ต้องมาขายแต่โฆษณาเงิuมันก็เลยเปลี่ยนไป

ตอนที่ยังเป็อะนาล็อก โฆษณาในรายการที่ทำ ราคาแพงกว่าละครพอวันหนึงมาเปิดบริษัทเอง เพราะเราเองก็ไม่รู้อนาคตจะเป็นอย่างไร

แต่ว่าเมื่อมีเงิuเข้ามาขนาดไหน แต่ส่วนที่ออกไปมากกว่านั้นอีก แต่ทุกวันนี้บริษัทก็ยังคงทำอยู่ครับ ทำรายการป้อนช่อง 3

ส่วนสาเหตุที่เราออกจากช่อง 7 ก็เพราะว่ายุคสมัยเปลี่ยน ผู้บริหารก็เปลี่ยน เมื่อมีคนใหม่มาบริหาร คนเก่าเขาอาจจะพอเข้าใจเราบ้าง

แต่ผู้บริหารคนใหม่ เขาอาจจะมองเราว่าเราล้าสมัยแล้วเราดูเก่า ก็ต้องออกไปหาที่ใหม่ตอนนั้นสุขสบายอยู่นะ แต่พอดิจิตอลเข้ามาแทนที่

เราก็เริ่มไม่ไหว เพราะเข้าเนื้อเราตลอด ถ้าถามว่าทำไมยังไม่หยุดทำรายการ เราก็ต้องคอยปรับเปลี่ยนให้เข้ากับการทำทีวียุคใหม่ด้วย