นาตาลี เดวิส ทำเหล่าคนวงการบันเทิงตกใจ เมื่อ จูน กษมา มยุมาศ โพสต์รูปภาพกับครอบครัวของนักแสดงสาว นาตาลี เดวิส

รวมทั้งสามีณะ อิทธิกร หนุ่มนักการทูต กับลูกชาย น้องเบน วัย 4 เดือน ก่อนจะโพสต์ข้อความอำลาจากกันโดย จูน กษมา เปิดเผยว่า

“เบนเอ๊ยยยย เบนจะไปอยู่LAแล้ว อย่าลืม 4 ออนะลูก ดีใจได้พบกันก่อนที่จะไป ตั้ง 4 ปีแหนะ นานเกินนน เดินทางปลอดภัยนะนาต้า

รักกกกเสมอน้องรักทั้งนี้ นาตาลี ได้ให้สัมภาษณ์กับข่าวสดออนไลน์เปิดเผยว่า “ตอนนี้กำลังเตรียมตัวไปยังแอลเอ เพราะว่าสามีเพิ่งได้งานอยู่ที่นั่น

ก็เลยตัดสินใจไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกากันทั้งครอบครัว 3 คน พ่อแม่ลูก เป็นระยะเวลา 4 ปี” และไม่นานมนนี้ได้ได้โอกาสได้มาเปิดใจกับสื่อหลังย้ายไปกว่าปีครึ่ง

เจ้าตัวมาพร้อมกับสามีและก็ลูก ผู้ที่ตัดสินใจจะต้องทิ้งงาน ทิ้งชื่อเสียงที่เมืองไทย เป็นนาตาลีหรือคุณตู้? ตาลี : เหมือนเรารู้อยู่แล้วเมื่อวันที่เราตัดสินใจที่

จะคบกับเขาอย่างเป็นจริงเป็นจังว่าสักวันมันจะต้องมาถึงแล้ว เพียงแต่ว่ามันจะช้าจะเร็วก็แล้วแต่สเตปงานของเขา มันก็คงจะเป็นสิ่งที่เราจะต้องเสียสละ จะให้พ่อไปทาง

แม่กับลูกไปทางมันก็คงจะไม่ใช่แฟมิลี่คุณสามีเสียดายความเป็นซุปเปอร์สตาร์ของภรรยาอยู่ไหม? ตู้ : ผมไม่เคยมีโปรโมชั่นอะไรกับเขานะ

คืออะไรก็เป็นแบบนั้นตั้งแต่วันแรก งานเราเป็นยังไงต้องการให้ครอบครัวเราอยู่ด้วยกัน บอกเขาไปเพียงเท่านี้ที่เหลือให้เขาไปคิดในรายละเอียดเอาเอง

มีความเห็นว่าตอนแรกมีคำสั่งให้ไปตั้งแต่ท้อง 8 เดือน? ตู้ : มันเป็นไปตามรอบงานของผม โชคดีรอบนั้นไม่ต้องออกประจำการ ก็อยู่จนกระทั่งเบนคลอดก่อน 4 เดือน

ถึงจะไป LA นาตาลี : เราเอาแมวมาจากเมืองไทยด้วย 2 ด้วย แล้วเราก็คุยกับพี่ตู้ แต่ว่าจริงๆก็บังคับเขาว่าช่วยเอามันไปเถอะ เราคิดว่าเราอยากมีโซนที่

เราสบายใจ ไม่รู้ถ้าหากคนเลี้ยงสัตว์การนอนกอดแมว กอดหมา มันรู้สึกดีทางใจ ตู้ : กอดแมว เพราะว่าเขาทิ้งแมวไว้ให้ เสมือนบ้านมันโล่ง แต่ว่าถามว่าเศร้าไหมก็คงจะไม่

เนื่องจากรู้ว่าเดี๋ยวก็จะต้องเจอกันอยู่แล้ว เราห่างกันเพียงแค่ 2 อาทิตย์ นาตาลี : คือตั้งแต่ลูกคลอดคือนอนด้วยกันตลอด แล้วมีแพลนอนาคตว่าจะกลับมาอยู่เมืองไทยไหม?

ตู้ : ตามกำหนดการก็อีก 2 ปีครึ่งก็จะครบการประจำการที่ LA ต้องการมีลูกอีกคนไหม? นาตาลี : ต้องการมีสาวน้อยสักคนหนึ่ง ในเรื่องของการปรับตัวไปอยู่ประเทศอเมริกานั้น

“ที่นาตาลี” เปิดเผยว่า โชคดีที่เราพูดอังกฤษได้ได้ ก็เลยไม่ได้มีความรู้สึกว่าเดือดร้อนอะไร แต่ว่าปัญหาหลักๆคือการที่เรามีลูกเล็ก พวกการบริการมันไม่สะดวกเหมือนประเทศไทย จะต้องขับขี่รถไปหากันเอง
อย่างสั่งของมาจากในออนไลน์ จะต้องใช้ระยะเวลาในการส่งสินค้าค่อนข้างจะนาน บางทีก็ได้ของไม่ตรงปก ส่วนเรื่องการซื้อของกินก็จะต้องเขียนแพลนว่าวันนี้จะต้องไปซื้อของตรงไหน