
Uncategorized
อมรา อัศวนนท์ ในวัย 84ปี 
เอ่ยชื่อ “อมรา อัศวนนท์” มั่นใจว่าคนที่อายุ 50 ปีขึ้นไป บางทีอาจคุ้นชื่อดีเพราะว่าเธอเป็นนางเอกรุ่นเก่า เริ่มแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2498 มาวันนี้พระเอกและนักแสดงชาย

ที่เคยแสดงด้วยกันต่างจากกันไปหลายคน เหลือแต่ “สมบัติ เมทะนี” วันก่อนมีโอกาสได้ไปสนทนากับเธอที่คฤหาสน์หลังใหญ่เนื้อที่เกือบ 1ไร่ ย่านนวมินทร์ 143 ซึ่งแม้อายุ 84 ปีแล้ว

แต่อดีตรองนางสาวไทยอันดับสาม สาวไทยคนแรกที่เข้าร่วมประกวดนางงามจักรวาล ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2497 ยังคงมีสุขภาพยังแข็งแรง พูดจาคล่องแคล่วไม่ติดขัด เดินเหินปกติ

ดูแล้วไม่เหมือนผู้สูงวัยทั่วไป พอดีลูกชายย้ายไปอยู่กับภรรยา ส่วนลูกสาวไปอยู่กับสามีที่ประเทศสหรัฐอเมริกา หลานชายที่มีอยู่คนเดียวไปอยู่แคนาดา เลยอยู่คนเดียวกับแม่บ้าน 1 คน

แต่ติดต่อกับลูกทุกวัน คุณอมรานั้นห่างหายจากการแสดงเกือบ 20 ปีแล้ว หลังต้องดูแลสามี พล.ต.ท.อังกูร บุรานนท์ หากทราบประวัติครอบครัวของคุณอมราแล้ว จะทราบเธอแตกต่างจากนักแสดงคนอื่นทั่วไป

เริ่มจากพ่อ เป็นหลวงประเจิดลักษณ์ ส่วนแม่เป็นชาวฝรั่งเศส ตอนเรียนอยู่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย มีคนหิ้วกระเป๋าไปถึงห้องไม่หิ้วเอง เรียกว่าครอบครัวฐานะดีถึงขนาดใช้ทุนส่วนตัว

ไปประกวดนางงามจักรวาลที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยไปพร้อมกับครอบครัว หลังประกวดในเวทีนางงามโลกก็เข้าสู่วงการบันเทิง เธอเป็นสาวงามที่สวยมากในสมัยนั้น

ฉะนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่นายกยุคนั้น จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งอยู่ในอำนาจช่วงปี 2502-2506 อยากได้มาเป็นอนุภรรยา ในขณะที่คุณอมรารักกับนายตำรวจชื่อ “อังกูร บุรานนท์”

คุณอมราเล่าเหตุการณ์ช่วงสำคัญในชีวิตให้ฟังว่า “เคยคุยทางโทรศัพท์กับท่านว่า หนูเกิดมาทั้งที มีความหวังไม่อยากจะเป็นเมียน้อยใคร ท่านก็บอกว่า เดี๋ยวอยู่กับฉันเป็นคนสุดท้ายในชีวิต

ตอนนั้นท่านแก่มาก 50 กว่าแล้ว จะให้ใช้นามสกุลด้วย เลยตอบไปว่าหนูมีคู่รักแล้ว มีคุณอังกูร ตอนนั้นกลัวมากเลย หนีมาจากบ้าน กลัวมากเลย โทรศัพท์บอกกับคุณอังกูรที่อยู่อังกฤษว่า

หากคุณไม่กลับมาก่อน ฉันก็จะมิได้สมรสกับคุณแน่ๆ เพราะเหตุว่าไม่รู้จักว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับฉัน มันเครียดมากมายในเวลานั้น ออกไปมิได้ จะออกไปสมรส เขาก็ไปยึดหนังสือเดินทางที่ท่าอากาศยานกล่าวหาพวกเราเป็นคอมไม่

คือไม่ให้ออก และส่งแฟนไปอยู่เมืองนอก เพราะรู้ว่าชอบกันอยู่” เหตุการณ์นี้ผ่านมาแล้วกว่าครึ่งศตวรรษ แต่คุณอมรายังจดจำรายละเอียดได้หมด เหมือนถูกบันทึกไว้ในสมอง

“ช่วงนั้นกลัวก็กลัว แต่ท่านยังดี ความดีท่านก็มี ท่านไม่ได้บังคับ ท่านได้แต่วอน แบบอยากได้อะไร ทำไมเกลียดชังนายกอ นี่คำพูดติดหูติดมาจนทุกวันนี้ เลยถามไปว่า ใครคะนายกอ

ท่านตอบนายก ยังไงล่ะ จะเอาอะไร นอกจากเดือนกับดาว เลยบอกหนูไม่เอาเดือน ไม่เอาดาว แล้วก็ไม่เอาคุณด้วย ให้เท่าไหร่หนูก็ไม่เอา รถยนต์ เครื่องเพชร อะไรต่ออะไร”

“ภายหลังได้ไปคุยกับลูกน้องจอมพลเลยได้ทราบว่า ท่านชอบใจมาก บอกว่าดิฉันเหมือนม้าพยศ” คุณอมราให้คำอธิบายเพิ่มเติมที่กล้าปฏิเสธจอมพลผ้าขาวม้าแดงว่า

“เราเป็นเด็กวัยรุ่นอายุ 19-20 ก็อยากจะได้เด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเรา แต่ท่านแก่มากเลย แล้วหน้าตาก็ไม่ได้หล่อ ย้อนกลับไปยุคนั้น เรื่องราวของคุณอมราเป็นข่าวใหญ่โตในหน้าหนังสือพิมพ์นานนับเดือน

อย่างที่เธอเล่า “มีข่าวดาราหนังไม่ได้เสียภาษีเล่นหนัง ตอนนี้เป็นคอมมิวนิสต์ ต้องสืบสวนสอบสวน ดิฉันก็จำต้องไปโรงพักทุกวัน ยังโชคดีที่รอดมาได้ อย่างนั้นคงไม่มีครอบครัวที่อบอุ่นกับคุณอังกูร บุรานนท์

ที่สำคัญโชคดีที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้บังคับให้ไปเป็นอนุของท่าน” ทั้งหมดนี้คงทำให้ได้รู้จักตัวตนของ “อมรา อัศวนนท์” อดีตนางงามและก็นางเอก ซึ่งห้วงหนึ่งของชีวิตจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้นำประเทศยุคนั้น

ขณะที่ปัจจุบันเธอมีความสุขอยู่กับต้นไม้สารพัดชนิด โดยมีลูกชาย-หญิงสองคน และหลานชาย 1 คน เป็นกำลังใจสำคัญคอยดูแลห่วงใย