
Uncategorized
ปัจจุบัน หนึ่ง มาฬิศร์ ในวัย 50
หากเอ่ยถึงละครพื้นบ้าน หรือละครจักร ๆ วงศ์ ๆ ในยุคก่อน นักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากคนหนึ่งที่ทุกคนต้องนึกถึงคงจะหนีไม่พ้น ‘หนึ่ง มาฬิศร์ เชยโสภณ’ อดีตพระเอกละครพื้นบ้าน ที่หลาย ๆ คนคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี

ที่นับว่าเป็นพระเอกที่ประสบความสำเร็จมากในยุคนั้น แฟน ๆ ละครพื้นบ้านไม่มีใครไม่รู้จัก อีกทั้งหลายคนยังยกให้ ‘หนึ่ง มาฬิศร์’ นั้นเป็นพระเอกในดวงใจ และเป็นพระเอกขวัญสาว ๆ ยุค 90 เลยก็ว่าได้

แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังเจ้าตัวต้องเจอกับมรสุมครั้งใหญ่ในช่วงที่ตนเองอยู่จุดสูงสุดของชีวิต ล่าสุดเจ้าตัวออกมาเผยถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น ในรายการดัง ถึงประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาของ ‘หนึ่ง มาฬิศร์’

“หายจากหน้าจอ คนสงสัยว่าหายไปไหน คือจริง ๆ ก็ยังรับเล่นละครอยู่ แต่หลัก ๆ ตอนนี้คือ ทำงานเบื้องหลัง ทำอยู่กับ ‘วุธ อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร’ บางเรื่องเขียนบท บางเรื่องก็เป็นครูสอนการแสดง หรือบางเรื่องก็เข้าไปดู

ในส่วนของ อ่านนิยาย ย่อนิยาย ทำคาแรคเตอร์ เรียกว่าทำทุกส่วน แล้วแต่โปรดักชั่นว่าเขาต้องการอะไร ยังขาดอะไร ที่มาของการได้มาเล่นละครจักร ๆ วงศ์ ๆ ขอแก้ข่าวก่อนเลยครับว่า หลายคนบอกว่า ผมเล่นทุกเรื่อง

จริง ๆ แล้วเล่นประมาณ 10 เรื่องเองครับ เป็นพระเอกอยู่ประมาณ 7-8 เรื่อง นอกนั้นก็จะเริ่มเป็นเสด็จพ่ออีก 3 เรื่อง เราเริ่มจากการที่เราจบมาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จบการละคร ก็เลยได้มาเริ่มเล่นละคร ช่วงกำลังจะเรียนจบ

เป็นละครหลังข่าวช่อง 7 ปรากฏว่าก็มีเพื่อนที่เรียนการละครที่จบด้วยกันมา เขาไปเป็นผู้ช่วยอยู่กองละครจักร ๆ วงศ์ ๆ เราก็ไปดูการทำงานของเพื่อน แล้วเราก็ชอบ เพราะตอนเด็ก ๆ เราก็โตมากับละครแบบนี้ ไปบ่อยจนโดนทักว่า

มาดูขนาดนี้อยากเล่นเหรอ วันหนึ่งก็มีผู้ใหญ่โทรมาถามว่า ได้ข่าวว่าอยากเล่นจริงเหรอ เขาก็เลยเสนอมาเรื่องหนึ่ง เป็น ‘ชาดกชาติที่ 5’ ของพระพุทธเจ้า ก็คือ ‘มโหสถชาดก’ ถ้าเกิดอยากเล่น จะให้เล่น ก็เลยได้เล่น คุณแม่ก็ดีใจมาก

เพราะแม่ชอบเข้าวัด แต่พอแม่ดูในโทรทัศน์ แม่มาบอกกับเราว่า ลูกฉันไม่ได้เป็นแบบนี้เลย แต่เรื่องที่พีคที่สุด คือ ‘ดาบ 7 สี มณี 7 เเสง’ เรตติ้งอันดับ 1 ชนะละครเวลากลางคืน สูงสุดถึง 19 ตอนที่เล่นละครก็มีคนรู้จักประมาณหนึ่งอยู่แล้ว

แต่พอมาเล่นละครเช้า เวลาไปถ่ายละครต่างจังหวัด จะมีคนมารอให้กำลังใจเยอะมาก ๆ จนชีวิตเจอมรสุมครั้งใหญ่ ช่วงนั้นถ่าย ‘ดาบ 7 สีอยู่’ เรตติ้งกำลังขึ้นเลย ปรากฏว่าคุณพ่อไม่สบาย ก็คิดว่าไม่ได้เป็นอะไร สุดท้ายมาพบว่า

เป็นระยะสุดท้าย คุณหมอบอกว่าอยู่ได้อีก 6 เดือน ตอนนั้นชีวิตของเราในเรื่องการแสดง กำลังพีคมาก หลังจากคุณพ่อเสียได้ไม่นาน คุณแม่ก็มาไม่สบายอีกคน ตอนนั้นเราคิดว่า เราจะพยายามดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไปเพื่อครอบครัว

เงินที่มีก็เอาไปลงทุนธุรกิจ ก็ไม่ประสบความสำเร็จ งานจากที่มีปีละ 5 เรื่อง จู่ ๆ ก็เหลือปีละเรื่อง พอไม่มีงาน เราก็อยู่กับบ้าน อยู่กับตัวเอง สุดท้ายเดินทางผิด แต่ตอนนั้นเราคิดว่า นั่นคือทางออก บัตรเครดิตมีประมาณ 10 ใบ

ก็ใช้รูด หมุนเงินจนสุดท้ายก็เจอดอกเบี้ย โชคดีที่โดนจับ ต้องบอกว่าโชคดี เพราะถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น เราก็ไม่รู้ว่าเราจะไปอีกไกลแค่ไหน ในขณะที่เรากำลังไม่มีสติ ก็เหมือนมีคนมาสะกิดให้เรามีสติขึ้นมาใหม่

ตอนนี้อายุ 51 ครับ โสดมาเป็น 10 ปีแล้ว จนชินกับการอยู่คนเดียว ปรากฏว่าไม่น่าเชื่อ ว่ามีเพื่อนโสดเยอะกว่าที่คิด แล้วก็เพื่อนที่แต่งงานไปแล้วกลับมาโสดก็ไม่น้อย ก็เคยคุยกันเล่น ๆ ว่าที่แปลงเชียงใหม่ตอนแรก ๆ

หรือว่าเราจะมารวมกันอยู่ แล้วก็ตื่นเช้ามาสวัสดีวันจันทร์ ใครไม่ตอบก็ไปเคาะประตูดูหน่อย ก็เป็นการคุยกันไป แต่ก็มีแบบนี้ที่เชียงใหม่เกิดขึ้นหลายจุดเหมือนกัน เลยทำให้คิดว่า หรือว่าเราจะทำอะไรแบบนี้

แต่ว่าเราก็ไม่ไหวเพราะว่าเราไม่มีหัวทางด้านธุรกิจ ทำไปก็อาจจะแบบแทนที่จะมีเงินไว้ดูแลตัวเองยามแก่ กายเป็นมีหนี้ เพราะว่าเดี๋ยวนี้อะไร ๆ ก็ไม่แน่ อยู่ ๆ ก็มีหลายอย่างเกิดขึ้นมา มันก็เลยทำให้คิดเยอะ”
