
Uncategorized
ติ๊ก ฉัตรมงคล หล่ออมตะในวัย 53 ปี
ย้อนกลับไปยุคหนึ่งแฟนละครจะคุ้นหน้าคุ้นตาเขาเป็นอย่างดี สำหรับ ‘ติ๊ก ฉัตรมงคล บำเพ็ญ’ อดีตพระเอกดัง ที่ฝากผลงานละครดังไว้มากมายโดยเฉพาะละครพื้นบ้าน ช่วงเช้าเสาร์-อาทิตย์ อาทิ

‘ปลายฝนต้นหนาว’ , ‘ดาวพระศุกร์’ , ‘ไกรทอง’ , ‘เกราะเพชรเจ็ดสี’ , ‘ลูกที่ถูกลืม’ , ‘ดาบเจ็ดสี มณีเจ็ดแสง’ เป็นต้น นอกจากนี้ ‘ติ๊ก ฉัตรมงคล’ เคยแจ้งเกิดสุด ๆ กับบท ‘พี่ไม้’ ในละครเรื่อง ‘ดอกแก้ว’ เวอร์ชั่น

‘กบ สุวนันท์ คงยิ่ง’ เป็นนางเอกอีกด้วย แต่โด่งดังอยู่ดี ๆ อนาคตในวงการบันเทิงกลับดับวูบชั่วข้ามคืน จน ‘ติ๊ก ฉัตรมงคล’ ต้องทิ้งทุกอย่างรวมทั้งชื่อเสียงเงินทองที่เมืองไทยหนีไปใช้ชีวิตอย่างลำบากในต่างประเทศ

ปัจจุบัน ‘ติ๊ก ฉัตรมงคล’ อายุเข้าเลข 5 อายุ 53 ปีเต็มแล้ว และยังคงมีผลงานการแสดงอยู่บ้างในวงการ ซึ่งบอกได้เลยว่าความหล่อยังเป็นอมตะ หน้าเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน กาลเวลาไม่สามารถทำอะไรได้เลย

แม้ว่าตอนนี้เจ้าตัวนั้นจะกลับมาใช้ชีวิตที่ไทยแล้ว ถึงจะมีละครบ้างแต่ก็ไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างเหมือนเดิม โชคดีที่ ‘ติ๊ก’ ไม่ใช่ดาราที่จมไม่ลง ถึงจะไม่มีงานและไม่ได้มีชื่อเสียงมีคนห้อมล้อมเอาใจเหมือนสมัยเป็นดาราดัง

แต่เจ้าตัวก็ไม่น้อยเนื้อต่ำใจ พยายามดิ้นรนทำมาหากินด้วยอาชีพสุจริต ทั้งไปเปิดท้ายขายของที่ตลาดนัดเมืองทองธานี นอกจากนี้ยังเคยรวมกลุ่มกับเพื่อนรับจ้างผลิตรายการ ล่าสุดติ๊กกลับมาเล่นละครในบทตัวร้าย

หลังร้างจอไปนาน เรื่อง ‘คาดเชือก’ เผยทุ่มเทสุดตัวและหวังกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง ฝันอยากเป็นตัวแทน ‘ฤทธิ์ ลือชา’ เพราะชื่นชมในฝีมือทางการแสดง แพลนบั้นปลายชีวิตจะผันตัวเองไปเป็นนักพยากรณ์

เรียกว่าในยุคนั้น ‘ติ๊ก ฉัตรมงคล’ ถือว่าเป็นพระเอกดาวรุ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก นับว่าเป็นพระเอกในดวงใจของใครหลายคนเลยก็ว่าได้ แต่ก็น่าเสียดายอยู่ไม่น้อยที่เราจะไม่ได้เห็น ‘ติ๊ก’ กลับมาเฉิดฉายในบทพระเอกอีก

“ช่วงนั้นผมเคยไปเปิดท้ายขายของที่ตลาดนัดเมืองทอง เมื่อหลายปีที่แล้ว เป็นงานที่ผมได้ลองทำดู ตอนนั้นขายสร้อยเลทที่เป็นทองเหลืองและรองเท้าสานของผู้หญิง แต่ตอนนี้ไม่ได้ไปแล้วเพราะขายไม่ค่อยรุ่งเลยเลิก

ใครจะมองตกอับต้องมาขายของเปิดท้ายคือผมไม่ได้มองตรงนั้น ไม่ได้อายที่จะงาน อย่างการที่ผมไปขายแบบนั้นผมหวังต่อยอดขายส่งด้วย เวลาลูกค้ามาเห็นของเราแล้วเขาสั่งไปขายต่อ เราไม่ได้หวังขายปลีกอย่างเดียว

ผมไม่สนใจว่าคนจะดูถูกเรามั้ย ผมอยากทำให้เขาเห็นด้วยว่าเราขยันไม่เกี่ยงงาน เรามีความสามารถทำได้หลาย ๆ อย่าง สายตาคนอื่นกำหนดชีวิตผมไม่ได้ คนเราต้องกินต้องใช้ถ้าจะมัวแต่กลัวว่าคนอื่นจะมองเรายังไง

ชีวิตมันจะยุ่งไปมั้ย ผมค่อนข้างวางแผนชีวิตให้ตัวเองไม่อยากแบบว่าแก่ตัวไปแล้วโดนว่าได้ว่าแค่ค่ารักษาพยาบาลตัวเองยังไม่มีเลย ตอนนี้ผมขายของบนอีเบย์ ซึ่งรายได้ที่ได้มาก็โอเคเลยนะ

ผมมาจากครอบครัวที่ค่อนข้างยากจนอยู่แล้ว เติบโตมากับการต้องดิ้นรนอยู่แล้ว ไม่ใช่มาจากคนที่สุขสบาย ตอนเข้าวงการผมอายุ 20 กว่าแล้วนะ วิถีชีวิตมันมีขึ้นมีลงมันเป็นเรื่องปกติของคนเรานะ ผมเป็นคนที่

เข้าใจสัจธรรมชีวิต ในวันที่เราไม่ได้มีชื่อเสียงหรือมีคนห้อมล้อมเหมือนเดิม มันก็เลยไม่ถึงกับขาก้าวไม่ออกมือไม้หมดแรงมันไม่ใช่ครับ (หัวเราะ) เหมือนที่มีคนเคยพูดไว้ว่าชีวิตต้องเดินไปข้างหน้าทุกวัน

มีน้อยก็ใช้น้อย การเป็นดาราก็เหมือนนักธุรกิจแหละ ปีนี้เราอาจจะประสบความสำเร็จ แต่ปีหน้าเราอาจเจ๊งก็ได้ อย่างพระเอกบางคนก็ไม่ได้เป็นพระเอกตลอด ผมก็เข้าใจสัจธรรมตรงนี้”
